When "Kitty" in the collection

วันเนี้เรามาเอาใจเด็ก ๆ สาว ๆ ผู้หลงไหลคลั่งไคล้ แมวสาวสีชมพูน่ารัก ผู้มีชื่อว่า คิดตี้ กันดีฟ่า

Hello Kitty (ハローキティ HARO Kiti?)  (ชื่อเต็มคิตตี้สีขาว (キティ·ホワイト Kiti howaito?)) เธอสวมบทบาทที่ผลิตโดย บริษัท ญี่ปุ่น Sanrio ได้รับการออกแบบครั้งแรกโดย Yuko Shimizu เธอเป็นภาพหญิงแมวหางสีขาวญี่ปุ่นที่มีโบว์สีแดง ไม่มีปาก. ปรากฏตัวครั้งแรกในตัวละครในรายการ a vinyl coin purse เธอเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศญี่ปุ่นในปี 1974 และนำไปยังสหรัฐอเมริกาในปี 1976.  ตอนนี้หล่อนอายุ 38 ปี (2012)

Yuko Shimizu

Birthday: เกิดวันที่ 1 พฤศจิกายน 1974

Place: เธอเกิดที่ชานเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ

Address: อาศัยที่บ้านสีขาว หลังคาแดง ห่างจากตัวเมืองลอนดอน 10 กม. ในเมืองที่ไม่มีใครทราบชื่อ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 ชีวิต คุณสามารถเดินทางไปยังเมืองนี้ได้ ภายใน 20 นาที โดยรถยนต์ หรือ 30 นาที โดยรถเมล์

Weight: สัดส่วนน้ำหนักเท่ากับแอปเปิ้ล 3 ผล และ สูงเท่ากับแอปเปิ้ล 5 ผล

Blood Group: A (negative) / ราศีพิจิก

Favorite: สีแดง, ชอบกินพายแอ๊เปิ้ลฝีมือของคุณแม่ ฮ๊อทเค้ก พุดดิ้ง และของหวาน, ชอบดนตรีและภาษาอังกฤษ, เธอสะสมดาวดวงเล็ก ๆ ปลาทองตัวน้อย เหรียญเงินและริบบิ้นมากมาย, นอกจากนี้เธอยังชอบไปเที่ยวเล่นตามสวนสาธารณะหรือในป่ากับเพื่อน ๆ อยู่เสมอ และหากมีเวลาว่างแน่นอนเธอจะตรงดิ่งไปร้านลูกกวาดโดยทันใด
ชายในสเป็คของหล่อนต้องใจดีและเป็นมิตร, รักแรกของเธอกับ Dear Daniel และหลังจากนั้นเขาได้เดินทางไปอยู่กับครอบครัวที่แอฟริกา เธอก็หันมาคบกับ Tippy หนุ่มเพื่อนร่วมชั้น

Dream: ความฝันของเธออยากเป็นนักเปียนโน



Personality: เป็นแมวน้อยที่ร่าเริง อบอุ่นและใจดีเธอมีฝีมือในการอบคุ้กกี้ที่แสนอร่อยและชอบทาน พายแอ๊ปเปิ้ลฝีมือของคุณแม่ เพื่อนสนิทของ Kitty ก็คือน้องสาวฝาแฝดของเธอที่ชื่อว่า “Mimmy” นั่นเอง และตั้งแต่คุณพ่อของ Kitty ได้เข้าไปทำงานในนิวยอร์ค เธอจึงมีเท็ดดี้แบร์เป็นเพื่อนอีกมากมาย งานอดิเรกของ Kitty ก็คือการเดินทางท่องเที่ยว อ่านหนังสือ เล่นดนตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเปียโน เธอชอบชิมคุ้กกี้ฝีมือการอบของ Mimmy น้องสาว และ Kitty ยังชอบเล่นกีฬาด้วยเช่นกัน เธอโปรดปราน การตีเทนนิส แต่สิ่งที่เธอชอบมากที่สุดก็คือการพบปะ ผู้คนและทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ก็เป็นเหมือนที่ Kitty บอกกับทุกคนนั่นแหล่ะว่า “ไม่มีวันที่เราจะรู้สึกว่าเรามีเพื่อนมากเกินไป”ด้วยเหตุนี้ นี่เอง Kitty จึงกลายเป็นสาวน้อย ที่ป็อปปูลาร์ที่สุดในโรงเรียน โรงเรียน โรงเรียนตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางที่มุ่งสู่ลอนดอนห่างจากบ้านของ Kitty 4 กิโลเมตร โรงเรียนของ Kitty นั้นนับได้ว่าเป็นโรงเรียนที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งซึ่งปกคลุมไป ด้วยต้นไม้และแวดล้อมสัตว์ป่าน้อยใหญ่ Kitty และ Mimmy เดินทางไปโรงเรียนด้วยรถเมล์ด้วยกันทุกเช้าซึ่งใช้เวลาในการเดินทางเพียง สามป้ายรถเมล์เท่านั้นคุณครูจะคอยทักทายกับพวกเธอทั้งสองอยู่ที่หน้าโรงเรียน ทุกวัน และเป็นที่แน่นอนว่า Kitty และ Mimmy คือสองสาวที่ป็อปปูลาร์ที่สุด ในโรงเรียน




คุณรู้มั้ย?

- Kitty ชอบแปรงฟันด้วยยาสีฟันกลิ่นสตรอเบอร์รี่ เธอห้ามใจแทบไม่ไหวทุกครั้งเมื่อได้กลิ่นหอมหวานของสตรอเบอร์รี่

- Kitty มักจะเดินทางไปไหนมาไหนด้วยจักรยานสามล้อ คันเล็กของเธอเสมอ ไม่ว่าจะออกไปเที่ยวเล่นใกล้ๆบ้าน ไปช็อปปิ้ง หรือแม้แต่เวลาที่เธอออกไปเล่นกับเพื่อนๆ

เรามาดูว่าคนบนโลกนี้คลั่งไคล้ Kitty ถึงเพียงใด

"Hello Kitty" Air jet by Eve always

"Hello Kitty" fashion from Japan L.A.

PJ's and accessories

"Kitty" car decoration

.

ตอบคำถาม ทำไมคิตตี้ไม่มีปาก???

คำขวัญของ Sanrio คือ "social communication" และซูจิอยากใช้ชื่อแบรนด์สะท้อนให้เห็นเป็นแมว ครั้งแรกที่เขาคิดคือ "Hi คิตตี้" ก่อนจะไปปักหลักที่ "ฮัลโหล" สำหรับคำอวยพร. สำหรับ Sanrio ได้อธิบายว่า Hello Kitty ไม่มีปากเพราะพวกเขาต้องการสื่อคอนเซ็ปต์ที่ว่า "project their feelings onto the character" และ "be happy or sad together with Hello Kitty" และอีกสาเหตุหนึ่งคือเธอ ให้สื่อความหมายว่า "พูดออกมาจากหัวใจ เธอจะไปทั่วโลกและจะไม่ผูกพันกับภาษาใด ๆ" .

ขอบคุณ

Wikipedia

Design you trust.com

Toon-land.com

Jean Khut / Blog.girly bubble.com

Hello Kitty forever.com

Nixie-frilly fun and feisty fashion.blogspot.com

Eric belive it or not.blogspot.com

Alexander McQueen

ก่อนอื่นเรามารู้จักเจ้าของแบรนด์ผู้สร้างสรรค์ Lee Alexander McQueen ผู้ซึ่งสร้างตำนาน และมีอิทธิพลมากในวงการโลกแฟชั่น 

เกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 1969 ในลอนดอน

จากเด็กชายชนชั้นกลาง สำหรับอนาคตในแฟชั่นสูง พื้นหลังมาจากเด็กชายผู้เจียมเนื้อเจียมตัวมาก พ่อของเขาเป็นเพียง คนขับรถ และ Lee McQueen เติบโตขึ้นมาในสภาบ้านในลอนดอนตะวันออก

ตามเวลาที่เขาอายุสิบหก, McQueen ได้ตัดสินใจที่จะอุทิศตัวเองทั้งหมดเพื่อแฟชั่น เขาลาออกจากโรงเรียนและเอาการฝึกงานที่แถวเทเลอร์ Savile Anderson และ Shepherd ประสบการณ์นี้ทำให้เขามีโอกาสที่จะแปลงทักษะทางด้านเทคนิคของเขาและการตัดเย็บซึ่งเขาต่อมากลายเป็นที่มีชื่อเสียง

เขาก้าวหน้าไป Gieves และฮอว์คและจากนั้นไป costumiers แองเจิลและ Bermans ความหลากหลายของการฝึกงานของเขาทำให้เขามีโอกาสที่จะโทเทคนิคการตัดเย็บที่แตกต่างกันมาก

เริ่มต้นที่ตัดเย็บบนแถว Savile,หลังจากนั้น McQueen เปลี่ยนไปทำงานเคียงข้าง Koji Tatsuno และที่อายุ 21 เขาย้ายไปมิลาน ในการทำงานกับโรมิโอ จิกลี่ McQueen สำเร็จปริญญาโทในการออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียง จาก เซ็นทรัลเซนต์มาร์ตินวิทยาลัย ซึ่งเขาได้ แต่เดิมหวังเพียงเพื่อจะตัดเสื้อผ้าในรูปแบบของเขาแค่นั้น คอลเลกชันสุดยอดของเขาเกิดขึ้นหลังจากการฝึกงาน ด้วยการตัดเย็บฉลองพระองค์ ของเจ้าฟ้าชาย ชาร์ล ทำให้ได้เกิดสื่อแขนงต่างๆให้ความสนใจในตัวเขา และ เขาก็เกิดกระตือรือร้นที่ก่อตั้งขึ้นแบรนด์ของตัวเองขึ้นอย่างมั่นคง

เขาสร้างชื่อให้ตัวเอง ด้วยการแสดงของงานแฟชั่นในมุมมองของเขาได้อย่างน่าทึ่ง สไตล์ที่เฉียบคม และหฤโหดของเขาทำให้เขาสนใจเป็นที่น่าสนใจมากขึ้น และได้รับเสียงไชโยโห่ร้องอย่างท่วมท้นทุกครั้งหลังจากแสดงแฟชั่นโชว์ของเขาจบ

นอกจากนี้เขายังสร้างขึ้นมามีชื่อเสียง McQueen, โดยอาศัยอำนาจตามภาพเด็กผู้ชายขี้งอนที่ไม่ดีและระเบิดบ่อยกลายเป็น 'L'Enfant แย่' ทัศนคติในการดึง McQueen และฉลากตนเองเรื่องใหม่ของเขาถูกยึดแฟชั่นลอนดอน


เขาได้รับรางวัลการออกแบบของอังกฤษแห่งปีรางวัลในปี 1996, 1​​997, 2001 และ 2003 ในปี 1997 เขาถูกจ้างโดย Couture House Givenchy และได้เปลี่ยนสไตล์ของแบรนด์เดิมโดยสิ้นเชิง ซึ่งได้รับการต่อว่าอย่างหยาบคายจากกลุ่มลูกค้าเดิมของ จิวองชี่ , และถูกไล่ออกโดยผู้ก่อตั้งกลุ่มของ LVMH และแบรนด์ Hubert de Givenchy (อูแบรต์ เดอ จีวองชี่ )

McQueen ยังคงอยู่ในโลกแฟชั่นและได้รับอนุญาตให้โอกาสครั้งที่สอง, เครื่องหมายที่ดีของการเคารพในอุตสาหกรรม unforgiving จากนั้น Gucci Group ซื้อสิทธิ์ควบคุมแบรนด์อยู่ในบรรทัดฐานของ McQueen ซึ่งตอนนี้นี้สิ้นสุดวันที่ความสัมพันธ์กับ จิวองชี่ จากกลุ่มของ LVMH ไปแล้ว เมื่อ McQueen ออกจากจิวองชี่ ไปสู่กลุ่มของกุชชี่กรุ๊ป ทำให้เขามีสิทธิ์ที่สร้างสรรค์ในแบบของตัวเองมากขึ้น

ในปี 2003 McQueen ถูกนำเสนอด้วยรางวัลนานาชาติโดยสภานักออกแบบแฟชั่นของอเมริกาและยังได้รับ CBE โดยปี 2007 เขาได้เปิดบูติกในเมืองทั่วโลกรวมทั้งในลาสเวกัส, นิวยอร์กและมิลาน และดาราที่ชอบรายการ Sarah Jessica Parker และนิโคลคิดแมนถูกสวมสร้างสรรค์ของเขาในพรมแดงจาก LA ไปลอนดอน

11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 เจ้าหน้าที่พบศพของเขาในสภาพฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอที่บ้านพักในกรีนสตรีต[1] ซึ่งก่อนหน้านี้แม่ของเขาเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 และงานวันศพของแม่เขาจะจัดขึ้นวันที่ 12 กุมภาพันธ์

Alexander McQueen กับแม่ของเขา

เรามาดูผลงานดัง ๆ ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นให้เป็นตำนาน ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่น จากการผสมผสานความเป็น VIPs,  Celebrity, Aristocracy บวกกับรันเวย์ที่ไม่เพียงแค่ให้นางแบบใส่เสื้อแล้วออกมาเดินเท่านั้ แต่ทุกอย่างเป็นโชว์ที่ยิ่งใหญ๋อลังการ และน่าประทับใจ

The Birds

Spring summer 1995

Highland Rape

Autumn Winter 1995

"In March, shows “Highland Rape” collection, with bodices torn to reveal models’ breasts. There is an outcry in the press. McQueen later barks back, “People were so unintelligent they thought this was about women being raped—yet ‘Highland Rape’ was about England’s rape of Scotland.”

โรงบาลบ้า

Spring Summer 2001

การทำโชว์น่าสนใจ และน่าประทับใจมาก รันเวย์เป็นกระจกล้อมรอบและให้นางแบบออกมาเดิน ด้วยท่าทางอาการเหมือนคนในโรงบาลบ้า มีอาการเพ้อ ปัดนู่นปัดนี่ ทำลายข้าวของเสื้อผ้า และ climax ตอนท้าย น่าตื่นเต้นมาก ๆ (ไปดูกันนะทุกคน)

The Last collection of Lee Alexander McQueen

Fall winter 2010

(ความเห็นส่วนตัว: คอเล็กชั่นนี้มีความหรูหรา ฟู่ฟ่า การปักแบบปราณีต ดั่งชุดสำหรับชนชั้นสูง แต่ในขณะเดียวกันในความงามเหล่านั้น ถ้าคุณดูโชว์นี้อย่างดี และสัมผัสกับมัน มันมีกลิ่นอายของความตาย ความเหงา แฝงอยู่ด้วย)

ปัจจุบัน Alexander McQueen ดูแลโดย Sarah Burton / Creative director ผู้รู้ใจและสามารถสานต่อตามความปราถนาให้แบรนด์ตำนานนี้ยังมีชีวิต และมีอิทธิพลในวงการนี้ต่อไป

ขอบคุณ

Alexander McQueen.co.uk

Vogue.com / voguepedia.com

The fashion archive.blogspot.com

Youtube.com

Wikipedia

รายการ Divas cafe / voice tv

Japanese Street fashion ถนนแห่งความคิดสร้างสรรค์ โดดเด่น และหลุดโลก

โพสต์นี้เราออกจากรันเวย์มาดู Street Fashion ที่ฝั่งตะวันออก ณ แดนอาทิตย์อุทัยกันดีกว่า

ญี่ปุ่นเริ่มจะเลียนแบบแฟชั่นตะวันตกในช่วงกลางของศตวรรษที่ 19 โดยมีจุดเริ่มต้นที่ช่วงศตวรรษที่ 21, ได้เกิดขึ้นบนถนนแฟชั่นสไตล์ที่สวมใส่ชุดปรับแต่งโดยใช้ส่วนผสมแบบปัจจุบันและดั้งเดิม เสื้อผ้าส่วนใหญ่จะเป็น Home made ซึ่งสามารถหาวัสดุได้ง่าย ๆ จากร้านค้า

ในปัจจุบันมีหลายรูปแบบของการแต่งกายสไตล์ญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นจากแบรนด์ท้องถิ่นและต่างประเทศ บางส่วนจะเปรี้ยวจิ๊ดจ้าด เก๋ไก๋ ละเอียด คล้ายกับ Haute couture ตาม Runway ในตะวันตก และยุโรป บางส่วนได้รับการออกแบบ Shoichi Aoki ตั้งแต่ปี 1997 ในนิตยสารชื่อดังในถนนสายแฟชั่นญี่ปุ่น FRUiTS 

เมื่อเร็ว ๆ นี้เทรนด์ Hip Hop ในญี่ปุ่นในหมู่สโมสร (การรวมกลุ่มของวัยรุ่น) มีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นกระแสหลักเป็นอย่างมาก

Shichi Aoki

แนวโน้ม Tokyo Fashion

ฮอตสปอตเหมือนชิบูย่าและฮาราจูกุที่มีชื่อเสียงสำหรับถนนที่มีชีวิตชีวาวัฒนธรรมญี่ปุ่นของพวกเขาแฟชั่น ไม่เพียง แต่จะเป็นภาพรวมของวิธีการที่ทันสมัย​​ที่มีการขับขี่อุตสาหกรรมแฟชั่นญี่ปุ่น แต่สถานที่ที่จะจุดสไตล์ออกและใหม่เช่นสาวฮาราจูกุที่เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับการที่มีสีสันดูล้ำและทันสมัย​​ของพวกเขา trendspotters ของเราได้รับภาพที่ดีที่สุดที่คุณผู้หญิงผู้ชายผู้หญิงและเสื้อผ้าผู้ชาย, กระเป๋า, รองเท้าและอุปกรณ์เสริมที่เหมาะสมจากถนนร้านค้าและร้านค้าทุกเดือน

เราลองมาดูกันว่า Street Fashion ที่ญี่ปุ่นเป็นอย่างไร (ปล.นี่ชุดเดินถนนปกตินะจ๊ะ ไม่ใช่งานแฟนซี หรือ คานิวัล) (มาดูความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาที่ไร้ขีดจำกัดจริง ๆ)

 ขอบคุณ
Wikipedia
Fashion in Japan.com
Japanese street.com
Tokyo Fashion.com